ากพูดถึงการลงทุนในความหมายกว้าง ๆ จะทำให้การลงทุนมีนิยามที่หลากหลายอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนด้านการเงิน การลงทุนด้านความรู้ ไปจนถึงการลงทุนด้านคุณภาพชีวิตด้วยการดูแลสุขภาพ หรือถ้ามองภาพอย่างง่ายที่สุด การค้าขายหรือการเป็นผู้ประกอบการ คือตัวอย่างของการลงทุนที่ดูเป็นรูปธรรมชัดเจนที่สุด ในขณะที่นักลงทุนก็คือผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ มีภาพจำคือ คนที่นั่งเฝ้าจอเพื่อหาจังหวะเทรดทำกำไรอยู่เสมอ ทว่าจริง ๆ แล้วนักลงทุนคืออะไร แตกต่างจากผู้ประกอบการที่ลงทุนทำธุรกิจอย่างไร แล้วคุณควรเลือกเป็นแบบใดเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินของตัวเอง
นักลงทุนคืออะไร นิยามที่กำหนดต่างจากผู้ประกอบการอย่างชัดเจน
นิยามระหว่างนักลงทุนและผู้ประกอบการนั้น เรียกได้ว่ามีเส้นบาง ๆ ขั้นอยู่ระหว่างกัน เพราะมีเป้าหมายคือผลกำไรเหมือนกัน แต่สามารถแยกแยะได้ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันนั่นเอง ถ้าจะกำหนดให้ชัดเจนว่านักลงทุนคืออะไร นักลงทุนก็คือผู้ที่ใช้เงินและเครื่องมือทางการเงินต่าง ๆ เพื่อสร้างผลตอบแทนตามเป้าหมายทางการเงินที่คาดหวังไว้ การสร้างผลตอบแทนนั้น เริ่มนับได้ตั้งแต่การเก็บออมเงินเอาไว้เฉย ๆ เพื่อรับผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยเงินฝาก อย่างนี้ก็สามารถเรียกว่านักลงทุนตามคำนิยามได้ แต่ภาพที่เราคุ้นตากันจะเป็นผู้ที่ประกอบอาชีพเทรดเดอร์ ซึ่งใช้เครื่องมือซับซ้อนในการวิเคราะห์สินทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนเองก็แยกย่อยได้อีกหลายแบบ ขึ้นอยู่กับประเภทสินทรัพย์และวิธีการที่ลงทุนด้วย
ในอีกด้านหนึ่งสำหรับผู้ประกอบการ นิยามก็คือ ผู้ที่สร้างสรรค์สินค้าและบริการต่าง ๆ ตามกระบวนการที่ทำให้เกิดธุรกิจ แน่นอนว่ามีการใช้เงินเป็นเครื่องมือในการลงทุน และบางธุรกิจ นักลงทุนคือกลุ่มที่ผู้ประกอบการต้องการดึงดูดความสนใจ ให้นำเงินมาร่วมลงทุนขยายกิจการและสร้างกำไรมากขึ้น แต่เงินหรือผลิตภัณฑ์ทางการเงินต่าง ๆ เป็นเพียงหนึ่งในประเภทของต้นทุนการผลิตสำหรับผู้ประกอบการ เพราะยังมีต้นทุนหลายด้านในการผลิตสินค้าและบริการ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถคิดค้นกระบวนการหรือรูปแบบใหม่ ๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกับทักษะอื่น ๆ เช่น ทักษะความเป็นผู้นำ ทักษะการบริหารจัดการ ทักษะในการรับมือกับความเสี่ยง เป็นต้น
ข้อควรรู้ก่อนเป็นนักลงทุนคืออะไร เพื่อให้ประสบความสำเร็จทางการเงิน
จะเห็นได้ว่านักลงทุนและผู้ประกอบการมีทั้งความเหมือนและความแตกต่างกัน บางคนอาจมองว่า การเป็นนักลงทุนคืออะไรที่มีความน่าสนใจและมีความท้าทายด้านการตัดสินใจในเวลาอันรวดเร็ว แต่บางคนก็ชอบแนวทางของการเป็นผู้ประกอบการมากกว่า เพราะต้องใช้เวลาในการพัฒนาและบริหารธุรกิจ โดยไม่ต้องคอยเล็งจังหวะการทำกำไรถี่เท่ากับนักลงทุน ทั้งนี้อาจพิจารณาว่าตนเองควรเป็นนักลงทุนหรือไม่ ได้จากคำถามต่อไปนี้
- ความสามารถในการยอมรับความเสี่ยงของคุณมีมากน้อยแค่ไหน
การลงทุนมีความเสี่ยง เป็นคำพูดที่นักลงทุนทุกคนย่อมรู้จัก เป็นความเสี่ยงคนละแบบกับการเป็นผู้ประกอบการที่ลงทุนในธุรกิจ ความเสี่ยงในโลกการลงทุนนั้นมีทั้งการได้กำไรมากกว่าที่คิด หรือการขาดทุนมากกว่าที่ประเมินไว้ มีสินทรัพย์ความเสี่ยงหลากหลายระดับให้เลือกทุกคน หากยอมรับความเสี่ยงของสินทรัพย์ได้ ก็สามารถเป็นนักลงทุนได้
- คุณมีความอดทนและมีความใจเย็นมากเพียงพอหรือไม่
เนื่องจากตลาดการลงทุนมีความผันผวนสูง ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในระดับวินาที ไม่ว่าคุณจะเข้าใจว่านักลงทุนคืออะไร หรือต้องมีความเชี่ยวชาญมากน้อยแค่ไหน ความอดทนและความใจเย็นก็ยังเป็นคุณสมบัติที่สำคัญมากสำหรับการเป็นนักลงทุน เพราะตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจะทำให้เกิดความรู้สึกหวั่นไหว อยากรีบซื้อรีบขายโดยอาจไม่ได้ตัดสินใจให้ดีพอ ยิ่งทุกวันนี้แพลตฟอร์มการลงทุนออนไลน์สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว นักลงทุนยิ่งต้องมีความใจเย็น ต้องผ่านประสบการณ์เพื่อพัฒนาทักษะให้ดีขึ้นอยู่เสมอ
- คุณชอบวิธีสร้างกำไรจากการบริหารเงินลงทุน หรือการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองผู้คนมากกว่ากัน
อย่างที่กล่าวไปว่า นักลงทุนกับผู้ประกอบการมีความแตกต่างกันที่วิธีการ หากเป็นผู้ที่ชอบศึกษาทฤษฎีทางการเงิน ชอบศึกษาความเปลี่ยนแปลงของโลกเศรษฐกิจ เน้นสร้างผลกำไรในการลงทุนเพื่อประโยชน์ทางการเงินของตนเองเป็นหลัก อาจเหมาะกับการเป็นนักลงทุนมากกว่า ในขณะที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเข้าใจความต้องการของผู้คน เพราะผู้ประกอบการต้องการลูกค้า ไม่สามารถมองในเชิงเศรษฐศาสตร์หรือการเงินเพียงอย่างเดียวได้ จำเป็นต้องมีความเข้าใจรอบด้านเพื่อพัฒนาธุรกิจของตัวเอง รวมถึงเป็นการพัฒนาเพื่อดึงดูดให้นักลงทุนรู้สึกสนใจอีกด้วย
แม้จะเข้าใจแล้วว่า นักลงทุนคืออะไร ต่างจากการเป็นผู้ประกอบการอย่างไร อาจไม่สำคัญเท่ากับว่า คุณรู้ว่าอะไรเหมาะสมกับคุณมากที่สุด เพราะมุมมองต่อการสร้างกำไรของนักลงทุนกับผู้ประกอบการนั้นแตกต่างกัน มีทักษะที่ต้องพัฒนาเพื่อให้ประสบความสำเร็จแตกต่างกัน รวมถึงวิธีการที่ใช้ก็แตกต่างกันด้วย ในขณะเดียวกัน โดยพื้นฐานแล้วต้องเท่าทันกับความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเหมือนกัน รู้ทันข่าวสารเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อสิ่งที่ตัวเองลงทุน ไม่ว่าสิ่งที่ลงทุนนั้นจะเป็นอะไรก็ตาม
